PMQA
การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (Public Sector Management Quality Award: PMQA)
เป็นแนวทางพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ (High Performance Organization) ซึ่งทาง สำนักงาน กพร. ได้นำมาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพของข้าราชการและยกระดับการ ปฏิบัติงานที่อ้างอิงจาก พระราชฏฤษฏีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
ในปี 2549 สำนักงาน กพร.ได้ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ จัดทำเกณฑ์ PMQA โดยนำเกณฑ์ TQA และเกณฑ์จากต่างประเทศมาประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของราชการไทย และได้เตรียมผู้ตรวจประเมินภายนอกเพื่อทำหน้าที่ประเมินองค์กรภาครัฐที่จะขอ รับรางวัล PMQA
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 ได้มีการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โดยการเปิดการสัมมนาโดย นายพิเชษฐ์ ไพบูลย์ศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประทุมธานี ในฐานะ CKO (Chief Knowledge Officer) ของจังหวัด ซึ่งประธานได้ย้ำถึงความสำคัญของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับการ เปลี่ยนแปลงและการพัฒนาองค์กรภาครัฐไปสู่องค์การแห่งการเรียนรู้ ทั้งนี้ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 11 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเน้นการเรียนรู้ของข้าราชการใน 4 หัวข้อ ได้แก่
- Thinks คิดนอกกรอบและสร้างสรรค์
- Team การสร้างกลุ่มทำงานภายใต้เป้าหมายเดียวกัน
- Time เรียนรู้เรื่องเงื่อนเวลา ลำดับความสำคัญของงานกับเวลา
- Targets มีเป้าหมายที่ชัดเจน ที่พร้อมที่จะใช้ทรัพยากรที่มีเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น
หลังจากนั้นเป็นการบรรยายโดย ดร.รัฐ ธนาดิเรก ที่ปรึกษาจากบริษัท ท.ธนารัฐ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในเรื่องความสัมพันธุ์ของ KM และ PMQA สรุปได้ดังต่อไปนี้
ตามปกติแล้วการปฏิบัติงานขององค์กรมักจะประกอบไปด้วยพื้นฐานที่สำคัญ ต่อไปนี้
- วิสัยทัศน์ที่แสดงทิศทางที่ชัดเจนว่าองค์กรต้องการ achieve อะไร
- มีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนรองรับเพื่อให้บรรลุเป้ามหายองค์กร
- มีวัตถุประสงค์การทำงานที่สอดรับกัยแผนยุทธศาสตร์นั้น
- มีโครงการที่ทำนำสิ่งที่คิดไปสูาการปฏิบัติ
- มี action plans หรือแผนการทำงานที่มี time line และ beanch mark ที่ตรวจสอบได้
- มีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ (Knowledge workers)
PMQA เป็นมาตรฐานในการกำหนดคุณภาพการทำงาน มี 7 ประการ ได้แก
PMQA-1 ภาพรวมวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ ขององค์กร
PMQA-2 แผนกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อ
- การสร้างงาน การปฏิบัติการติดตาม
- Individual scorecard เพื่อติดตาม performance ของพนักงานที่ contribute สู่องค์กร
- Risk management ขององค์กร
PMQA-3 ผู้มีส่วนได ส่วนเสีย และความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ
PMQA-4 การจัดการองค์ความรู้ ของบุคลากรและองค์กร ทางด้าน หรืองานด้านการจัดการความร (Knowledge management) ทั้งหมด
- IT
- Non-IT
PMQA-5 การบริหารทรัพยากรบุคคลหรือการจัดการด้าน Learning organization
- สร้างแรงจูงใจ
- สร้าง carrier path
- สร้างบรรยากาศในการทำงาน
PMQA-6 ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
PMQA-7 การนำกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ เป็นการบูรณาการแผน คน และความรู้ และการประเมินผลในภาพรวม
ภาพที่ 2 นี้ แสดงให้เห็นว่า PMQA แต่ละข้อนั้นไปตอบโจทย์แผนการทำงานขององค์กรในขั้นตอนใดบ้าง อย่างไรก็ตาม กพร.ยังได้กำหนดขั้นตอนการตรวจสอบการปฏิบัติตาม PMQA ในแต่ละข้อ โดยข้อที่ 1 ถึง 6 นั้นใช้ A,D,L,I ส่วนข้อที่ 7 นั้นใช้ Lo,T,C,L,I
- A หมายถึง Approach เน้นการให้ความสำคัญของงานของตัวบุคคล
- D หมายถึง Deploy คือการรู้จักวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และการประเมินศักยภาพ
- L หมายถึงการเรียนรู้ หรือ Learning ในทุกๆด้านของการทำงาน
- I หมายถึง Integrated หรือการบูรณาการสิ่งต่างๆเข้าหากัน เพื่อให้ง่นบรรลุเป้าหมาย
ในการสัมมนาครั้งนี้จะเน้นเฉพาะ PMQA ข้อที่ 4 เรื่องการจัดการความรู้ โดยอ้างอิงทฤษฏีการจัดการความรู้ของ Dr. Nonaka เรื่องความสัมพันธุ์ของความรู้จากประสบการณ์ (Tacit knowledge) และ ความรู้ที่เป็นหลักการและเป็นลายลักษณ์อักษร (Explicit knowledge) เป็นหลัก
รูปที่ 3 แสดงความสัมพันธุ์ระหว่าง Tacit และ Explicit knowledge ที่การแปลงความรู้จากประสบการณ์ไปเป็นแบบแผนนั้นต้องอาสัย
การ Approach และ Deploy เพื่อนำความรู้ประสบการณ์ในตัวบุคคลนั้นมาสู่แบบแผน หลักการที่ทุกคนมาเรียนรู้ร่วมกันได้ ในขณะเดียวกันการแปลง explicit กลับไปเป็น Tacit นั้นต้องอาศัยการ Integrated ความรู้ที่มีสู่กระบวนการเรียนรู้ (Learning) เพื่อให้เกิดความรู้ความชำนาญในศาสตร์นั้นๆ
ดังนั้นการจัดการความรู้ตามหลักการของ PMQA-4 นั้น จะประกอบด้วย การจัดการ 4 ด้านด้วยกันคือ
- การจัดการ Tacit knowledge ทำอย่างไรที่จะนำประสบการณ์ ความรู้ ความชำนาญส่วนบุคคลมาใช้กับองค์กรให้เป็นประโยชน์มากที่สุด
- การจัดการด้าน Explicit knowledge ทำอย่างไรจึงมีระบบการจัดเก็บแบบแผน ความรู้ที่ดีขององค์กร
- การจัดการในการแปลง Tacit knowledge เป็น Explicit knowledge อย่างเป็นระบบ เพื่อการใช้ประโยชน์ของคนทั้งองค์กร
- การจจัดการแปลง Explicit knowledge เป็น Tacit knowledge หรือการสร้าง ประสิทธิภาพการทำงานในตัวบุคลหรือ personal empowerment โดยเรียนรู้จากระบบความรู้ในองค์กร
- การจัดการส่งผ่านความรู้สู่คนรุ่นต่อๆไปหรือการมี knowledge repository ทีดี
- การจัดการให้ความรู้นี้ไปสู่ผู้ที่ต้องการได้เร็ว สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รูปที่ 4 แสดงวงจรการจัดการความรู้แบบ Spiral SECI ของ Ikujiro Nonaka และ Hirotaka Takeuchi จาก
- Tacit ไปสู่ Explicit หรือ Externalization
- Explicit ไปสู่ Explicit หรือ Combination
- Explicitไปสู่ Explicit หรือ Internalization และ
- Explicit ไปสู่ Tacit หรือ Socialization
จะเห็นกานำเอาทฤษฏีดังกล่าวมาปรับใช้ใน PMQA-4 ของสำนักงาน กพร. และมีแบบฟอร์มที่หน่วยงานราชการต้องกรอกในเรื่องการจัดการความรู้ที่ประกอบ ด้วยขั้นตอนทั้ง 4ดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อการตอบโจทย์ KPI ของ องค์กร และกพร.
สนใจหาความรู้เพิ่มเติมเรื่อง PMQA ได้ที่
http://www.dmsc.moph.go.th/webroot/qa/Files/km_web/PMQA/pmqa.pdf
และทฤษฏีการจัดการความรู้ของ Nonaka และ Takeuchi ที่
ใส่ความเห็น